💝 การใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจ 💝
(การทำบอลลูน)
หลักการทำบอลลูนหัวใจ ภาค ภาษาอังกฤษ
💖การใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจ💖
Coronary angioplasty
การใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจ ( Coronary angioplasty) เป็นการช่วยไม่ให้หลอดเลือดอุดตัน ทำให้เลือดไหลได้สะดวกยิ่งขึ้น หลอดเลือดหัวใจคือหลอดเลือดที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ เมื่อเวลาผ่านไปไขมันในหลอดเลือดเกาะตัวกันทำให้หลอดเลือดแคบลงซึ่งเรียกว่าหลอดเลือดตีบ ปริมาณเลือดและออกซิเจนที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจจึงลดลง อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกได้ (angina) การใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจเป็นการเปิดทางเส้นเลือดที่แคบให้เลือดไหลได้สะดวกมากขึ้นเพื่อที่จะนำเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้อย่างเพียงพอ ในระหว่างขั้นตอนการทำแพทย์จะใส่บอลลูนเล็กๆ และใส่ขดลวดเพื่อให้หลอดเลือดเปิด
☀ ทางเลือกอื่น ๆ ในการรักษาที่ไม่ต้องใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจ
หากมีอาการเจ็บหน้าอกเป็นประจำ เช่นเมื่อออกกำลังกาย ควบคุมอาการโดยการใช้ยาและการเปลี่ยนแปลงวิถีในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยการออกกำลังกายแบบหลากหลายวิธี หยุดสูบบุหรี่และลดน้ำหนัก หากมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงและคาดเดาไม่ได้หรือมีอาการหัวใจวาย แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ(Coronary artery bypass graft, CABG) หรือเมื่อหลอดเลือดมีจุดแคบหลายจุดมากเกินไป หรือเมื่อหลอดเลือดไม่เหมาะกับการใส่สายสวนขยายหลอดเลือดหัวใจ
☔ การเตรียมความพร้อมสำหรับการใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจ
งดสูบบุหรี่เพื่อลดความเสี่ยงของการปิดกั้นหลอดเลือดแดงและการที่ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติได้ช้าลง หากเป็นการสวนหัวใจที่มีการวางแผนไว้ก็สามารถกลับบ้านในวันเดียวกันได้ แต่บางคนต้องพักค้างคืนในโรงพยาบาล 1 คืนก่อนกลับบ้าน การทำหัตถการชนิดนี้อาจจะทำภายใต้การให้ยาชาเฉพาะที่ซึ่งจะต้องฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณขาหนีบหรือแขน ความรู้สึกในบริเวณนี้จะถูกบล็อกอย่างสมบูรณ์ ในช่วงระหว่างทำหัตถการจะรู้สึกตัว นอกจากนี้อาจได้รับยากล่อมประสาทซึ่งจะช่วยให้ผ่อนคลาย ไม่กินหรือดื่มอะไรประมาณสี่ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ ให้หยุดใช้ยาบางอย่างเช่น warfarin 1-2 วันก่อนที่จะทำหัตถการ พยาบาลจะตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิตและทดสอบปัสสาวะ โกนบริเวณขาหนีบบริเวณที่จะใส่เข็ม
☆ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการใส่สายสวนหลอดเลือดหัวใจ
จะต้องทำในห้องห้องปฏิบัติการ catheterization ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือมากว่านี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนของหลอดเลือดแดงที่ต้องได้รับการรักษาอาจได้รับยา heparin ในระหว่างขั้นตอนการทำเพื่อช่วยหยุดการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ยังอาจได้รับยาต้านเกล็ดเลือดเช่นแอสไพรินเพื่อช่วยให้เลือดไม่เหนียวเกินไปซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดในผนังหลอดเลือดแดง
แพทย์จะทำการเปิดเส้นเลือดบริเวณขาหนีบหรือข้อมือแล้วใส่ท่อยึดไว้ หลังจากนั้นจะใส่สายสวนเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่นำไปสู่หัวใจ เมื่อสายสวนอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการแพทย์จะทำการฉีดสีเพื่อ x-ray ดูตำแหน่งที่อุดตันของหลอดเลือด แพทย์จะใช้ภาพ X-ray ในการนำทางลวดนำลงในสายสวน เมื่อลวดนำผ่านพื้นที่แคบหรือถูกปิดกั้นก็จะใส่บอลลูนขนาดเล็ก (โดยปกติเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2 ถึง 3 ซม.) ตามแนวลวดนำตลอดแนวพื้นที่ที่ตีบหรืออุดตัน บอลลูนจะพองเบา ๆ เพื่อกดไขมันให้แบนลงลง ทำให้หลอดเลือดแดงกว้างขึ้นและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ง่ายขึ้น
แพทย์อาจฉีดสีลงสายสวนเพื่อตรวจสอบว่าเส้นเลือดแดงได้เปิดขึ้นมากน้อยเพียงใด ถ้าเปิดพอแล้วก็จะปล่อยลมบอลลูนและนำบอลลูนพร้อมกับลวดนำและสายสวนออก ขณะที่บอลลูนพองตัวในหลอดเลือดแดงอาจจะมีอาการเจ็บหน้าอก ซึ่งอาการนี้จะดีขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อบอลลูนถูกปล่อยลมแล้ว แพทย์อาจใส่ขดลวดที่มีลักษณะหลอดลวดตาข่ายขนาดเล็กมากเพื่อให้หลอดเลือดที่ถูกขยายแล้วเปิดอยู่ตลอดหลังบอลลูนถูกเอาออกไป ขดลวดโลหะโดยปกติเป็นขดลวดโลหะเปล่า ในขณะที่บางอันมีการเคลือบยาและเรียกว่าขดลวดเคลือบยา ยาจะถูกปล่อยออกช้า ๆ ลงในหลอดเลือดแดงเพื่อป้องกันการอุดกั้นอีกครั้ง เมื่อขั้นตอนเสร็จสิ้นการแพทย์จะเอาสายสวนหลอดเลือดแดงออก พยาบาลจะกดแน่นบนแผลประมาณ 20 นาทีเพื่อให้แน่ใจว่าหลอดเลือดแดงปิดและหยุดเลือดออกใด ๆ ปลั๊กคอลลาเจนหรืออุปกรณ์ที่คล้ายกันสามารถนำมาใช้ในการปิดผนึกหลุมในหลอดเลือดแดง
🌅 สิ่งที่คาดหวังหลังจากนั้น
หลังจากสวนหัวใจจะต้องพักผ่อนสักครู่ พยาบาลจะวัดความดันโลหิตและชีพจรอย่างสม่ำเสมอ และจะตรวจสอบบาดแผลเพื่อดูว่าเลือดยังไหลอยู่หรือไม่ หากดำเนินสวนหัวใจการผ่านขาหนีบจะต้องนอนหงายบนเตียงสองสามชั่วโมง หากดำเนินการผ่านข้อมือก็จะสามารถที่จะลุกนั่งได้ไม่นาน จะต้องจัดให้มีคนพากลับบ้าน และควรพยายามที่จะมีคนอยู่ด้วยตลอดสำหรับ 24 ชั่วโมงแรก
หากได้รับยาระงับความรู้สึก จะต้องไม่ขับรถ ไม่ดื่ม และลงนามในเอกสารทางกฎหมาย ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากนั้น
หากปวด สามารถใช้ยาแก้ปวดพาราเซตามอล (acetaminophen) หรือ ibuprofen ได้ เมื่อกลับบ้านตรวจสอบบาดแผลอย่างสม่ำเสมอ อาจจะต้องมีช้ำบาง แต่ถ้าอาการบวมพัฒนาไปพบแพทย์ทันที ถ้าแผลจะเริ่มมีเลือดออก กดแผลให้แน่น และติดต่อโรงพยาบาลทันที
การพักฟื้นมักจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ แตกต่างกันระหว่างบุคคล ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
ไม่ควรยกของหนักสำหรับสัปดาห์แรกหลังจากสวนหัวใจ และไม่ขับรถอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์
🌍 ผลข้างเคียง
อาจจะมีอาการเจ็บหน้าอกบาง ๆ หรือรู้สึกไม่สบาย แจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลหากเกิดเหตุการณ์นี้ อาจจะมีอาการปวดหรือรอยช้ำที่ใส่สายสวน
♑ ภาวะแทรกซ้อน
เลือดออกจากแผล เส้นเลือดที่รับการรักษาด้วยการใส่ขดลวดจะกลายเป็นแคบอีกครั้ง แพ้สีย้อมที่ใช้ในระหว่างขั้นตอน หลอดเลือดหัวใจเส้นที่เพิ่งทำอาจจะกลายเป็นที่ถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ในระหว่างหรือหลังจาก ปลายของสายสวนอาจทำให้ก้อนเลือดหรือไขมันจากผนังของหลอดเลือดหลดซึ่งอาจปิดกั้นหลอดเลือดแดงนำไปสู่โรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง เส้นเลือดได้รับการปฏิบัติสามารถฉีกขาดในระหว่างขั้นตอน
🌜บอลลูนหัวใจ หนึ่งทางเลือกในการรักษาโรคหัวใจที่อยากให้มาทำความรู้จักการทำบอลลูนหัวใจกันสักหน่อย🌛
การรักษาโรคหัวใจด้วยการทำบอลลูนหัวใจยังคงมีข้อสงสัยในประเด็นนี้อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลข้างเคียงจากการทำบอลลูนหัวใจ ค่าใช้จ่าย หรือบางคนก็สงสัยว่าการทำบอลลูนหัวใจจะอันตรายไหม งั้นวันนี้เรามาศึกษากันดีกว่าค่ะว่า การทำบอลลูนหัวใจ คืออะไร และเป็นยังไงกันแน่
บอลลูนหัวใจ คืออะไร
การทำบอลลูนหัวใจ เป็นวิธีรักษาโรคหัวใจชนิดไหนบ้างการทำบอลลูนหัวใจเป็นหนึ่งในทางเลือกรักษาโรคหัวใจได้ โดยจะใช้รักษาโรคหัวใจชนิดดังต่อไปนี้
1. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
2. โรคลิ้นหัวใจตีบ
3. กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ทำบอลลูนหัวใจ ค่าใช้จ่ายสูงไหม เบิกประกันสังคมได้หรือไม่
ในกรณีที่เป็นผู้ประกันตนและใช้สิทธิประกันสังคม สามารถเบิกจ่ายค่าทำบอลลูนหัวใจได้ตามจริง โดยไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย (ในกรณีรักษาโรคลิ้นหัวใจ โดยใช้สายบอลลูนผ่านทางผิวหนัง) และสำหรับการขยายหลอดเลือดหัวใจโดยการใช้บอลลูนอย่างเดียว สามารถเบิกค่าใช่จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกินครั้งละ 30,000 บาทต่อราย และสามารถใช้สิทธิ์ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง
ทว่าหากไม่มีสิทธิประกันสังคม การทำบอลลูนหัวใจจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 80,000-1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาล รวมทั้งอุปกรณ์ในการรักษา (ขดลวดธรรมดาหรือขวดลวดเคลือบตัวยา)
บอลลูนหัวใจ บัตรทองใช้ได้หรือเปล่า
สำหรับคนที่ถือบัตรทอง ก็สามารถเข้ารับการรักษาโดยการทำบอลลูนหัวใจได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ตัวเองถือสิทธิ์ ซึ่งหากทางโรงพยาบาลมีความพร้อมในการรักษาก็สามารถทำบอลลูนหัวใจให้ได้ ทว่าหากทางโรงพยาบาลไม่มีความพร้อมก็อาจต้องทำเรื่องขอส่งตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่นที่สะดวกในการทำบอลลูนหัวใจต่อไป
บอลลูนหัวใจ อยู่ได้กี่ปี
การทำบอลลูนหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือดหัวใจในแต่ละครั้ง หากไม่ได้ใส่ขดลวด (stent) ในกรณีนี้เส้นเลือดอาจกลับไปตีบตันขึ้นได้ราว ๆ 30-40% ภายในระยะเวลา 6 เดือน แต่หากใส่ขดลวดเคลือบยาจะมีโอกาสหลอดเลือดกลับไปตีบตันประมาณ 10% แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำบอลลูนหัวใจของผู้ป่วยเองด้วย
การทำบอลลูนหัวใจ อันตรายไหม
แม้การทำบอลลูนหัวใจจะเป็นทางเลือกของการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่ง่าย สะดวก เพราะไม่ต้องผ่าตัด และการทำบอลลูนหัวใจมีความเสี่ยงน้อยเพียง 1% แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงของการทำบอลลูนหัวใจอยู่บ้าง โดยภาวะเสี่ยงของการทำบอลลูนหัวใจอาจมีดังต่อไปนี้
- แพ้สารทึบแสงที่แพทย์ทำการฉีดเข้าเส้นเลือดก่อนทำบอลลูนหัวใจ
- ผู้ป่วยเกิดภาวะเลือดออกและมีการอักเสบตรงบริเวณสอดสายบอลลูน
- เส้นเลือดที่แขน ขา บริเวณที่สอดสายบอลลูนเกิดการอุดตัน
- บางรายอาจเกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจหรือกล้ามเนื้อหัวใจทะลุในระหว่างทำการสอดใส่ท่อบอลลูนเข้าไปในเส้นเลือด
อย่างไรก็ตาม การทำบอลลูนหัวใจภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้พอสมควรนะคะ
บอลลูนหัวใจ ผลข้างเคียงมีไหม
หากผู้ป่วยไม่มีอาการแทรกซ้อนดังกล่าว การทำบอลลูนหัวใจอาจไม่มีผลข้างเคียงที่น่ากังวลสักเท่าไร และการทำบอลลูนหัวใจยังใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1-2 วัน และหากร่างกายหลังทำบอลลูนหัวใจไม่มีความผิดปกติที่น่าเป็นห่วง ผู้ป่วยก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้
การปฏิบัติตัวหลังทำบอลลูนหัวใจ
1. ผู้ป่วยไม่ควรลุกจากเตียง และไม่งอแขนหรือขาด้านที่แทงเส้นเลือดเป็นเวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
2. หากพบว่าบริเวณที่แทงเส้นเลือดบวม หรือขาข้างที่แทงเส้นเลือดซีดหรือเย็นกว่าปกติ ควรแจ้งให้พยาบาลทราบ
3. ถ้าผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ให้รับประทานอาหารได้ตามความเหมาะสม
4. ถ้าปวดแผล สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
5. ในระยะแรก การทำกิจวัตรประจำวันอาจทำไห้เหนื่อยได้ ดังนั้นควรพักผ่อนครั้งละ 20-30 นาที วันละ 2 ครั้งในเวลากลางวัน ไม่จำเป็นต้องนอนพักแค่นั่งพักก็เพียงพอ และพยายามนอนหลับให้ได้ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
6. ควรหลีกเลี่ยงอาหารคอเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล เป็นต้น
7. ควรงดชา กาแฟ และน้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และควรงดสูบบุหรี่
8. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ทองหยิบ ทองหยอด ทุเรียน ลำไย เป็นต้น
9. ถ้าต้องใช้น้ำมันปรุงอาหารควรเลือกใช้น้ำมันพืชแทนเนยหรือน้ำมันจากสัตว์ หรือให้วิธีลวก ต้ม นึ่ง และอบแทนการทอด
10. ควรรับประทานผักทุกชนิด และผลไม้ที่ไม่มีรสหวานจัด เช่น มะละกอ พุทรา แอปเปิล ฝรั่ง เป็นต้น
11. ในระยะ 6 เดือนแรก เป็นช่วงสำคัญ ผู้ป่วยควรกินยาและปฏิบัติตัวตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด รวมทั้งไปพบหมอตามนัดอย่าให้ขาด
การทำบอลลูนหัวใจกับการทำบายพาสต่างกันอย่างไร
นอกจากการทำบอลลูนหัวใจแล้ว การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบสามารถรักษาได้ด้วยการทำบายพาส ซึ่งการทำบอลลูนหัวใจจะมีข้อดีตรงที่ทำง่ายกว่า ไม่ต้องผ่าตัด ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการทำบายพาส ใช้เวลาพักฟื้นสั้นกว่า และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า ทว่าการทำบอลลูนหัวใจอาจกลับมามีอาการซ้ำได้อีก
ส่วนการทำบายพาสมีขั้นตอนยุ่งยากกว่า ค่ารักษาสูงกว่า พักฟื้นนานกว่า และผลข้างเคียงในการรักษามากกว่า แต่โอกาสกลับมาป่วยซ้ำก็น้อยกว่า
💕 คลิปหลักการทำบอลลูนหัวใจ 💕
ที่มา อ้างอิง และสามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้ที่
👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇👇
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น